แถลงการณ์ของผู้แทนระดับสูงและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นายโจเซพ บอเรลล์ ในนามของสหภาพยุโรป เรื่องสถานการณ์ในเมียนมา
สหภาพยุโรปขอประณามคำตัดสินที่มีแรงจูงใจทางการเมืองนี้ นี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของการธำรงรักษาระบอบประชาธิปไตยในเมียนมานับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างชัดเจนที่จะกีดกันผู้นำซึ่งมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย อาทิเช่น นางอองซาน ซู จีและพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ออกจากกระบวนการเจรจาตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน สหภาพยุโรปขอย้ำว่า เรายังคงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความพยายามอย่างต่อเนื่องของอาเซียนและทูตพิเศษของประธานอาเซียนที่จะร่วมคลี่คลายปัญหา โดยการปฎิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์ในเมียนมา
การกระทำของกองทัพนี้เป็นการดูหมิ่นเจตจำนงของประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประชาชนชาวเมียนมาได้ปฏิเสธการรัฐประหารอย่างท่วมท้นและแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเป็นพลเมืองของประเทศที่เคารพ ปกป้อง และรักษาหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน และระบอบประชาธิปไตย จนถึงขณะนี้ ความล้มเหลวในการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ประกอบกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงความรุนแรงและความขัดแย้งที่แผ่ขยายไปในวงกว้าง กำลังผลักดันประเทศไปสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรมอันใหญ่หลวง เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ผู้นำทางทหารเมียนมาจะต้องยอมให้ประเทศกลับเข้าสู่วิถีประชาธิปไตยโดยเร็ว
สหภาพยุโรป ขอย้ำถึงข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทุกคนรวมทั้งผู้ที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่เกิดรัฐประหารในทันทีและปราศจากเงื่อนไข